ความประทับใจมักเกิดขึ้นจากการพบเจอกันระหว่าง “คนกับธรรมชาติ” “คนกับวัฒนธรรม” “คนกับคน”
ในช่วงเวลานั้น หากมีกล้องซักตัว คนเหล่านั้น ก็จะสามารถเก็บความประทับใจนั้นไว้ และส่งต่อ แลกเปลี่ยนความประทับใจเหล่านั้นไปให้หลากหลายผู้คนได้
ผลจาก “การพบเจอ” กับ “รูปถ่าย” ก็ทำให้ได้รู้ว่าการสื่อสารและคำพูดที่ร้อยเรียงของกวีได้เปลี่ยนแปลงไป
ตัวผมเอง ที่ได้เกิดที่เมืองนี้ ก็อยากจะถ่ายทอดความประทับใจสุดแสนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่สวยงาม พืชพรรณ สัตว์ต่างๆ และยังอยากที่รักษาสภาพแวดล้อมที่สวยงามเหล่านี้ ที่บรรพบุรุษได้มอบให้ไว้ ให้คงอยู่ตลอดไป ซึ่งเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจของพื้นที่แห่งนี้ เราพร้อมแล้วที่จะเปิดสิ่งเหล่านี้ให้โลกได้รับรู้ พร้อมกับจิตใจที่บอกว่า เราเป็นเมืองที่ “เหมาะแก่การถ่ายรูปที่ดี”และก็จะสร้างเมืองนี้ไปด้วยกัน
ที่นี่คือเมือง ฮิกาชิคาว่า “เมืองแห่งภาพถ่าย”ได้เกิดขึ้นให้โลกได้รู้จักแล้ว
1มิถุนายน 1985 เมืองฮิกาชิคาว่า คามิคาว่า ฮอกไกโด
ในช่วงนั้น ประเทศกำลังประสบปัญหาคือมีประชากรลดลงและมีพื้นที่แออัด เมืองฮิกาชิคาว่าจึงมีวัตถุประสงค์ที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการพัฒนาประเทศโดยสร้างวัฒนธรรมเมืองแห่งภาพถ่าย
เป็นที่อยู่อาศัยที่ดีสำหรับยุคนี้ กล่าวคือ เป็นเมืองที่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่
เพื่อเชื่อมโยงรูปถ่ายกับชาวโลก โดยเป็นพื้นที่ที่มุ่งเน้นวัฒนธรรมการถ่ายรูปเป็นสำคัญ โดยมีหัวใจที่ว่า “สะท้อน เก็บไว้ บอกต่อ”
ปี1985เมืองฮิกาชิคาว่าได้ประกาศตนเป็น “เมืองแห่งภาพถ่าย” ที่ที่เกิดความประทับใจจากการพบกันของ “คนกับธรรมชาติ” “คนกับวัฒนธรรม” “คนกับคน” โดยได้จัดกิจกรรมและพัฒนาเมืองโดยผ่านวัฒนธรรมการถ่ายรูป กว่า30ปีที่พวกเราได้ทุ่มเทให้กับ “วัฒนธรรมการถ่ายรูป” ถือเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวเมืองฮิกาชิคาว่า
พวกเราหวังว่า เมืองเล็กๆเมืองนี้จะสามารถเชื่อมโยงกับภาพถ่ายทั้งโลกได้ เมื่องเล็กๆนี้ จะสามารถออกไปพบปะผู้คนในโลกได้ เมื่องเล็กๆนี้จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้โลกใบนี้ได้ ผ่าน “วัฒนธรรมการถ่ายรูป”
เมืองฮิกาชิคาว่าที่มีความภูมิใจในสิ่งแวดล้อมที่ดี “น้ำอร่อย” “อากาศสะอาด” “ผืนดินที่อุดมสมบูรณ์” เมืองแห่งนี้ได้สร้าง “วัฒนธรรมภาพถ่าย”มานานกว่า30ปี และด้วยพลังของท้องถิ่น ได้มีการพัฒนามา120ปี ปัจจุบันได้มุ่งสร้างความสมดุลในความเป็นอยู่ โดยให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมการถ่ายรูป โดยมีจิตใจที่ว่า “ถ่าย เก็บ บอกต่อ” จึงขอประกาศตนเป็น “เมืองแห่งวัฒนธรรมการถ่ายรูป” และเชื่อมต่อกับผู้คนในโลกต่อไป